GIGO มาจากคำเต็มว่าอะไร โดยนิยามดังกล่าว ต้องมุ่งเน้นถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ
ตอบ กิโก <คำอ่าน>ย่อมาจาก garbage in , garbage out พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานแปลว่า เข้าผิด ออกผิด แต่ถ้าแปลตามตัวจะได้ว่า ขยะเข้า ขยะออก เป็นคำกล่าวที่ใช้เตือนสติผู้ใช้คอมพิวเตอร์ว่า ถ้าใส่ข้อมูลที่ไร้คุณค่าลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องก็มิอาจจะทำให้ข้อมูลนั้นมีค่าขึ้นมาได้เลย อีกนัยหนึ่ง เป็นการบอกให้นักคอมพิวเตอร์มือใหม่รู้ว่า เครื่องคอมพิวเตอร์หาใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่จะเนรมิตข้อมูลเลว ๆ ให้เป็นสารสนเทศ (information) ดี ๆ ได้ ถ้าใส่ขยะ (ข้อมูลเลว ๆ) เข้าไป ก็จะได้ขยะ (สารสนเทศเลว ๆ ) ออกมา
โดยนิยามดังกล่าว ต้องการมุ่งเน้นถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ
ตอบ มุ่งเน้นผู้บริโภคคอมพิวเตอร์ คือ มนุษย์นำข้อมูลนำเข้าที่เกิดประโยชน์ไม่ส่งผลเสียทำให้เกิดไวรัสเผยแพร่และสร้างปัญหาแก่ผู้อื่น
วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
แบบฝึกหัด
1. 6160 มาจากคำเต็ม ว่าอะไร โดยนิยามดังกล่าวต้องการมุ่งเน้นถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ
ตอบ
เทคโนโลยี Océ Gemini คือเทคโนโลยีการทำภาพ 2 หน้าในเวลาเดียวกัน กระดาษจะถูกป้อนผ่านทางเดินกระดาษครั้งเดียว และเครื่องจะพิมพ์กระดาษทั้ง 2 ด้านในเวลาเดียวกัน ผลลัพธ์คือเครื่องสามารถพิมพ์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น คุณสามารถนำเสนองานได้หลากหลายประเภทให้แก่ลูกค้าได้ด้วยผลิตภัณฑ์ในตระกูล Océ VarioPrint 6000 Ultra, TP และ MICR Lines เนื่องจากเครื่องพิมพ์มีความเร็วสูงที่สุดในท้องตลาด คุณภาพการพิมพ์ใกล้เคียงงานพิมพ์ออฟเซต อีกทั้งการจัดตำแหน่งเนื้อหาที่พิมพ์ทั้งด้านหน้า-หลังมีความเที่ยงตรงแม่นยำ Océ VarioPrint 6000 Ultra เป็นเครื่องพิมพ์ 2 หน้าในเวลาเดียวกันที่เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงที่สุดในท้องตลาด
2. การที่องค์กรหรือภาคธุรกิจ ทั่วไปในปัจจุบันนิยมนำระบบสารสนเทสมาใช้งานกันมากขึ้นและสามารถเป็นเจ้าของระบบสารสนเทศกันง่ายขึ้นสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด ยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ สืบเนื่องมาจากสาเหตุการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยของมนุษย์ในปัจจุบันมีการประยุกต์ไอทีอยู่ตลอดเวลามีการอำนวยความสะดวกตามหน้าที่งานทั้งด้านปฏิบัติการและด้านสนับสนุนการตัดสินใจ เช่น คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความจำเป็นมากในปัจจุบันเพราะทุกหน่วยงานมักมีไว้เพื่อใช้งานและประหยัดแรงงานคนในการดำเนินงาน อีกทั้งยังมีอินเตอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในการสืบค้นหาข้อมูลที่มีความรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
3. อยากทราบว่าเหตุผล 3 ประการที่ธุรกิจต่างก็นำระบบสารสนเทศมาใช้ในองค์กร มีอะไรบ้าง
ตอบ
ตอบ
1. งานสื่อสารสารสนเทศด้วยภาพและเสียง เช่น ระบบมัลติมีเดีย ระบบการประชุมทางไกลด้วยภาพและเสียง เป็นต้น
2. การใช้งานในห้องปฏิบัติการ การใช้งานร่วมกับอุกรณ์เครื่องมือต่างๆ เช่น การจำลองแบบ การออกแบบวงจรไฟฟ้า การควบคุม การทดลอง เป็นต้น
ตอบ
ผลิตภัณฑ์ Océ VarioPrint 6160 เครื่องพิมพ์ความเร็วสูงสำหรับการพิมพ์งานปริมาณมาก
ผลิตภัณฑ์ Océ VarioPrint 6160 Ultra, TP และ MICR คือระบบการพิมพ์ดิจิทัลสมบูรณ์แบบที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในตลาดการพิมพ์งานปริมาณมาก ด้วยเทคโนโลยี โอเซ่ เจมีไน (Océ Gemini Instant Duplex) ช่วยยกระดับความเร็วในการพิมพ์งานขาวดำอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ด้วยความเร็วสูงเป็นพิเศษบวกกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน มืออาชีพในแวดวงการพิมพ์สามารถพิมพ์งานได้มากขึ้น และใช้เวลาในการพิมพ์เร็วกว่าเดิม ช่วยให้คุณมีกำไรมากขึ้นในการทำตลาดใหม่ๆ เช่น การพิมพ์หนังสือดิจิทัล สามารถขยายการให้บริการ ยิ่งไปกว่านั้นยังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย. ผลลัพธ์คือข้อเสนอที่มีแต่กำไร สร้างผลกำไรให้ธุรกิจ สร้างโอกาส สร้างทรัพยากรที่คุ้มค่าและคุ้มครองการลงทุนของคุณจุดประกายความเร็วสุดขีด ด้วยศักยภาพการพิมพ์ 2 หน้า
- เทคโนโลยีเฉพาะ โอเซ่ เจมีไน (Océ Gemini Instant Duplex)
- สัมผัสความเร็วสุดขีดด้วยระบบพิมพ์ 2 หน้า (Duplex) ในเวลาเดียวกัน
- สามารถอัพเกรดความเร็วในการพิมพ์ได้ (ชั่วคราวหรือถาวร)
- จัดตำแหน่งกระดาษได้เที่ยงตรงแม่นยำ จัดเนื้อหาการพิมพ์หน้า-หลังกระดาษ (Registration) ตรงกันทุกจุด
- คุณภาพงานพิมพ์สวยสะดุดตาเทียบเท่างานพิมพ์ออฟเซต
- พิมพ์ได้นานต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- เทคโนโลยี โอเซ่ เจมีไน (Océ Gemini) รองรับการผลิตงานปริมาณมาก
เทคโนโลยี Océ Gemini คือเทคโนโลยีการทำภาพ 2 หน้าในเวลาเดียวกัน กระดาษจะถูกป้อนผ่านทางเดินกระดาษครั้งเดียว และเครื่องจะพิมพ์กระดาษทั้ง 2 ด้านในเวลาเดียวกัน ผลลัพธ์คือเครื่องสามารถพิมพ์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น คุณสามารถนำเสนองานได้หลากหลายประเภทให้แก่ลูกค้าได้ด้วยผลิตภัณฑ์ในตระกูล Océ VarioPrint 6000 Ultra, TP และ MICR Lines เนื่องจากเครื่องพิมพ์มีความเร็วสูงที่สุดในท้องตลาด คุณภาพการพิมพ์ใกล้เคียงงานพิมพ์ออฟเซต อีกทั้งการจัดตำแหน่งเนื้อหาที่พิมพ์ทั้งด้านหน้า-หลังมีความเที่ยงตรงแม่นยำ Océ VarioPrint 6000 Ultra เป็นเครื่องพิมพ์ 2 หน้าในเวลาเดียวกันที่เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงที่สุดในท้องตลาด
2. การที่องค์กรหรือภาคธุรกิจ ทั่วไปในปัจจุบันนิยมนำระบบสารสนเทสมาใช้งานกันมากขึ้นและสามารถเป็นเจ้าของระบบสารสนเทศกันง่ายขึ้นสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด ยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ สืบเนื่องมาจากสาเหตุการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยของมนุษย์ในปัจจุบันมีการประยุกต์ไอทีอยู่ตลอดเวลามีการอำนวยความสะดวกตามหน้าที่งานทั้งด้านปฏิบัติการและด้านสนับสนุนการตัดสินใจ เช่น คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความจำเป็นมากในปัจจุบันเพราะทุกหน่วยงานมักมีไว้เพื่อใช้งานและประหยัดแรงงานคนในการดำเนินงาน อีกทั้งยังมีอินเตอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในการสืบค้นหาข้อมูลที่มีความรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
3. อยากทราบว่าเหตุผล 3 ประการที่ธุรกิจต่างก็นำระบบสารสนเทศมาใช้ในองค์กร มีอะไรบ้าง
ตอบ
- องค์กรเจริญก้าวหน้า
- ทำให้งานไม่ซ้ำซ้อน
- ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้
ตอบ
1. งานสื่อสารสารสนเทศด้วยภาพและเสียง เช่น ระบบมัลติมีเดีย ระบบการประชุมทางไกลด้วยภาพและเสียง เป็นต้น
2. การใช้งานในห้องปฏิบัติการ การใช้งานร่วมกับอุกรณ์เครื่องมือต่างๆ เช่น การจำลองแบบ การออกแบบวงจรไฟฟ้า การควบคุม การทดลอง เป็นต้น
สรุปบทที่3 เรื่องการพัฒนาระบบสารสนเทศ
สรุปบทที่ 3 การพัฒนาระบบสารสนเทศ
การวางแผนระบบสารสนเทศ
1.แนวคิด
การวางแผนระบบสารสนเทศคือการคาดการณ์ผลลัพธ์ของการนำระบบสารสนเทศมาใช้เพื่อประกอบการดำเนินงานทางธุรกิจ
2.กลยุทธ์ธุรกิจ
การวางแผนระบบสารสนเทศมีความใกล้ชิดกับกลยุทธ์ธุรกิจ(Business Strategy) ซึ่งถูกบัรรจุเป็นสัญลักษณ์อักษรเป็นกลยุทธ์ขององค์การ
2.1 ความหมาย “กลยุทธ์”จะหมายถึงศาสตร์หรือศิลป์ที่ใช้ในการบังคับบัญชากองทัพ ในเวลาต่อมา“กลยุทธ์”ไปใช้ในหลากหลายแนวทาง โดยเฉพาะในส่วนการดำเนินรุกของธุรกิจภายใต้ข้อจำกัดของสภาพล้อมภายนอก
2.2การกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ
ธุรกิจที่ประผลสำเร็จต้องการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพหรือสินค้าราคาต่ำ หรือทั้งสองอย่างให้กับลูกค้า
3.กระบวนการวางแผน
ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์
ขั้นตอนที่ 2 การวางแผนสิ่งแวดล้อม
ขั้นตอนที่ 3 การจับประเด็นกลยุทธ์
ขั้นตอนที่ 4 การกำหนดนโยบาย
4.การวางแผนเชิงกลยุทธ์
ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดภาระหน้าที่ของหน่วยงานสารสนเทศ
ขั้นตอนที่ 2 การประเมินภาระแวดล้อม
ขั้นตอนที่ 3 การกำหนดวัตถุประสงค์
ขั้นตอนที่ 4 การกำหนดแนวทางกลยุทธ์
ขั้นตอนที่ 5 การกำหนดนโยบายสารสนเทศ
ขั้นตอนที่ 6 การสร้างแผนระยะยาวและระยะสั้น
1 .แผนระยะยาว เป็นแผนที่ใช้ในช่วงเวลา 3-5 ปีข้างหน้า
2. แผนระยะสั้น เป็นแผนงานที่ใช้ในช่วงเวลา 1-2 ปีข้างหน้า
ขั้นตอนที่ 7 การดำเนินการตามแผนระยะสั้นและระยะยาวที่วางไว้
การเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
2 หัวข้อคือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน รวมทั้งแนวโน้มเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
1.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
ซึ่งที่นิยมนำมาใช้ในธุรกิจ ซึ่งปกติองค์กรธุรกิจสมัยใหม่มีการใช้เทศโนโลยีสารสนเทศทั้งในด้านการติดต่อสื่อสารและการไหลเวียนข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย อันส่งผลให้มีการปรับโครงสร้างองค์การให้แบนราบและลดระดับชั้นของการจัดการลงเพื่อประโยชน์ทางด้านสื่อสาร
1.1 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
1.2 เทคโนโลยีฐานข้อมูล
1.3 เทคโนโลยีคอมเมิร์ช
1.4 เทคโนโลยีทางด้านการชำระหนี้ค่าสินหรือบริการ
1.5 เทคโนโลยีด้านความมั่นคงของระบบข้อมูล
1.6 เทคโนโลยีการทำดิจิทัลให้เหมาะที่สุด
1.7 เทคโนโลยีไร้สาย
1.8 เทคโนโลยีสำนักงานเสมือน
1.9 เทคโนโลยีระบบประยุกต์ด้านการสื่อสาร
2.แวนโน้มเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
Turban et al. ( 2006 , p. 27) ได้ระบุแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต ซึ่งผู้บริหาร ขององค์การควรคำนึง เพื่อทำการคัดเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งจะใช้ระบบสารสนเทศที่กำหนดได้รับการพัฒนา ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
2.1ชิป ปัจจุบันได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยเก็บควบคุมไปกับใช้คอมพิวเตอร์
2.3 สภาพแวดล้อมเชิงอ็อบเจกต์ เป็นวัตกรรมใหม่ในส่วนการเขียนโปรแกรมและการใช้คอมพิวเตอร์ โดยส่งผลให้มีการลดต้นทุนการเขียนโปรแกรม
2.4 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซ่อมบำรุงด้วยตนเอง ได้มีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ชื่อ เอลิซา ซึ่งมีความสามารถในคำนวณด้วยความรวดเร็ว
2.5คอมพิวเตอร์แบบควอนตัม มีการศึกษาค้นคว้า ซึ่งนำไปสู่การผลิตการผลิตหน่วยคำนวณที่เล็ก และหากการค้นคว้านี้ประสบสำเร็จ
2.6นาโนเทคโนโลยี ในอนาคต อาจมีการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประกอบจากโมเลกุที่ มีความเร็วสูงสุด ซึ่งโครสร้างแบบครัตัสมีขนาดเล็ก
การได้มาซึ่งระบบสารสนเทศ
1.การจัดซื่อซอฟแวร์เชิงพาณิชย์
รูปแบบที่ 1 ระบบพร้องสรรพ (Turnkey System)
วอฟแวร์ ที่ได้รับการพัฒนาอย่างเสร็จสมบูรณ์ และผ่านการทดสอบดปรแกรมเรียบร้อยแล้ว
รูปแบบที่ 2 ระบบแกนหลัก (Outsourcing)
วอฟแวร์ประกอบด้วยโครงสร้างของระบบพื้นฐาน
2.การใช้บริการภายนอก
เป็นรูปแบบของการจัดจ้างองค์การภายนอกให้ทำการพัฒนาซอฟแวร์เชิงพาณิชย์มักจัดอยู่ในรูปแบบของระบบสนับสนุนจากผู้ขายซอฟแวร์เชิงพาณิชย์ที่ถูกสั่งทำขึ้น โดยผ่านการออกแบบ การทำให้เกิดผลและการบำรุงรักษาซอฟแวร์ที่สนองตอบความต้องการของลูกค้า
3.การพัฒนาระบบขึ้นใช้งานในองค์การเอง
การพัฒนาระบบ
แนวทางหนึ่งของการได้มาซึ่งระบบสารสนเทศ เพื่อใช้ในองค์การถือเป็นแนวทางที่อาจใช้เงินลงทุนและช่วงเวลาในการพัฒนาระบบค่อนข้างสูง ภายในองค์การเองแต่ระบที่ได้มักตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด ในส่วนนี้จะกล่าวถึงหัวข้อย่อย 3 หัวข้อ ระเบียบวิธีพัฒนาระบบ วัฏจักรการพัฒนาระบบ
วิศวกรรมสารสนเทศ
4.ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาระบบ
4.1 กลยุทธ์ของธุรกิจ ธุรกิจทำการกำหนดกิจกรรมการทำงานของระบบสารสนเทศให้มีความสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ด้านระบบสารสนเทศและแผนกลยุทธ์ของธุรกิจ
4.2 เทคโนโลยีสารสนเทศ มีผลกระทบที่มักเกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง
4.3วัฒนธรรมองค์การ ในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน ที่อาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการทำงาน
เทคนิคใช้ภาพกระแสข้อมูล
1.สัญลักษณ์ที่ใช้สร้างแผนภาพ
นิยมใช้สัญลักษณ์ที่ถูกคิดค้นโดย 2 กลุ่ม บุคคลซึ่งนำมากำหนดเป็นมาตรฐานแผนภาพกระแสข้อมูล ดังนี้
1.1 มาตรฐานของเกนและซาร์สัน ( Gane & sarson )
1.2 มาตรฐานของดีมาร์โคและโยร์ดอน (Demarco & Yourdon)
2.ระดับของแผนภาพ
จะไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัวแบ่งออก 3 ระดับ
ระดับที่ 1 แผนภาพบริบท (Context Diagram) โครงสร้างเริ่มแรกซึ่งเสดงให้ภาพรวมและขอบเบตของระบบงาน
ระดับที่ 2 แผนภาพระดับหนึ่ง (First-level Diagram) โครงสร้างที่ใช้อธิบาย รายละเอียดของแผนภาพบริบทเปรียบเสมอกล่องดำ
ระดับที่ 3 แผนภาพระดับสอง (Second-level Diagram) โครงสร้างที่อธิบายในรายละเอียดของแผนภาพระดับหนึ่ง
ระดับที่ 3 แผนภาพระดับสอง (Second-level Diagram) โครงสร้างที่อธิบายในรายละเอียดของแผนภาพระดับหนึ่ง
การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ
1.แนวคิด
ธุรกิจจึงมีความจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนระบบฮาร์ดแวร์และระบบประยุกต์ให้มีความทันสมัย อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของการดำเนินธุรกิจภายใต้ยุกต์โลกาภิวัตน์
2.กระบวนการจัดการ
2.1 การวางแผน จะต้องสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์องค์การ โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ
2.2 การจัดโครงสร้าง การจัดโครงสร้างของหน่วยงานของนหน่วยงานด้านสารสนเทศอาจอยู่ในรูปของศูนย์คอมพิวเตอร์หรือฝ่ายระบบสารสนเทศ มีการกำหนดตัว ผู้รบริหารระดับสูงให้ดำรงตำแหน่งเพื่อควบคุมดูแลการทำการของบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
2.3การจัดลำดับงาน เป็นเป้าหมายของการพัฒนาระบบ มักจะมีความสำคัญแต่งต่างกันจึงจำเป็นต้องจัดลำดับ ก่อน-หลัง ของระบบที่ต้องการพัฒนาตามความเป็น
2.4 การควบคุม การควบคุมดูแลจะประกอบการมาตรฐานของอุปกรณ์ การพัฒนาระบบ การปฏิบัติ ความมั่นคงของระบบรวมทั้งการงบประมาณในส่วนของการจัดระบบสารสนเทศ
2.5การสั่งการ ครอบคลุมถึงงานทุกด้านของระบบสารสนเทศ ภายใต้การสั่งการของผู้บริหารสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่น ซึ่งปราศจากอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น เป็นงานที่อาศัยประสบการณ์และความสามารถทางด้านสือสารของผู้บริหารอย่างจริง
2.6 การรายงาย เป็นหน้าที่หน่วยงานด้านสารสนเทศ ในการจัดทำรายงานสรุปเสนอต่อผู้บริหารระดับสูง
2.7 การจัดทำงบประมาณ โดยมีการคาดคะเนค่าจ่าย เพื่อการเสนองบประมาณค่าใช้จ่ายด้านต่างๆทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นประจำ หลังจากนั้นจึงควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินให้เป็นตามงบประมาณที่ตั้งไว้
3.การจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์
4.การจัดการทรัพยากรซอฟต์แวร์
5.การจัดการทรัพยากรข้อมูล
6.การจัดการทรัพยากรระบบสื่อสารและเครือข่าย
บุคลากรด้านสารสนเทศ
1.หัวหน้าพนักงานสารสนเทศ (Chief Information Officer :CIO) ผู้บริหารระดับสูงขององค์การ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลงานด้านบริหารและระบบสารสนเทศและมีหน้ารับผิดชอบการวางแผน การกำหนดนโยบายการควบคุมปฏิบัติงาน
2.นักวิเคราะห์ระบบ(System Analyst :SA) บุคลากรที่ทำหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบประยุทธ์ใช้งานในองค์การ
3.ผู้เขียนคำสั่ง (Programmer) บุคลากรผู้ทำหน้าออกคำสั่ง เพื่อควบคุมงานปฏิบัติในระบบต่างๆ
4.ผู้ควบคุมคอมพิวเตอร์ (Computer Opertor) บุคลากรผู้ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
5.ผู้จัดตารางเวลา (Scheduler) บุคลากรผู้ทำหน้าที่จัดสรรเวลาใช้เครื่องให้กับงานแต่ละงาน
6.บรรณารักษ์ (Libearian) บุคลากรที่ทำหน้าที่เก็บรักษาสื่อบันทึกซึ่งใช้ จัดเก็บข้อมูลและชุดคำสั่งระบบงาน มีการจัดรายการและดรรชนี เพื่อให้การค้นหาข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว
7.พนักงานบันทึกข้อมูล (Data Entry Operator) บุคลากร ผู้ทำหน้าที่นำข้อมูลจากเอกสารเบื้องต้นมาจัดให้มาอยู่ในรูปแบบที่ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้
สรุป
การพัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นแนวทางหนึ่งของการได้มาซึ่งระบบสารสนเทศไว้ใช้งานภายในองค์ธุรกิจ โดยเริ่มต้นจากวางแผนระบบสารสนเทศ เพื่อกำหนดถึงแผนกลยุทธ์ด้านระบบสารสนเทศที่สอดคล้องกับกลยุทธ์กิจ จึงทำการคัดเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมและนำมาใช้เพื่อปัญหาการดำเนินทางธุรกิจ สร้างโอกาสทางธุรกิจ และธำรงรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขังทางธุรกิจ ทำการพัฒนาระบบขึ้นใช้งานภาพในองค์การหรือจัดจ้างองค์การภายนอกให้พัฒนาระบบให้ตามที่ต้องการ
แบบฝึกหัดบทที่ 2 เรื่องระบบสารสนเทศ
1. จากส่วนประกอบทั้ง 7 ส่วนของสารสนเทศ ส่วนใดที่ถือเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลของระบบสารสนเทศ
ตอบ การจัดการฐานข้อมูล หรือฐานข้อมูลขององค์การ คือ หน่วยเก็บข้อมูลทางกายภาพสำหรับข้อมูลที่อาจมีความเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน
2. ในส่วนผลป้อนกลับของระบบสารสนเทศ ก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคตของการจัดการระบบสารสนเทศอย่างไร
ตอบ ผลป้อนกลับ (feedback) จะอยู่ในรูปแบบรายงานที่เป็นผลลัพธ์ ซึ่งถูกส่งกลับไปยังระบบในฐานะของต้นทางข้อมูลภายในหรือภายนอกก็ได้ เช่น รายงานแสดงสถานะของสินค้าคงเหลือ จะถูกใช้เพื่อส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสินค้าคงเหลือทราบยอดสินค้าคงเหลือที่ขาดหายไปหรือยอดคงเหลือของสินค้าที่ต่ำกว่า
3. หากท่านดำเนินธุรกิจร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่ง ท่านเลือกที่จะนำสารสนเทศประเภทใดบ้างมาใช้ในธุรกิจ เพราะเหตุใด
ตอบ จะใช้ระบบสารสนเทศตามหน้าที่งาน ในส่วนนี้จะเป็นการรองรับการทำงานของแผนกต่างๆ ซึ่งจำแนกความรับผิดชอบตามหน้าที่งานขององค์การ อาทิ เช่น หน้าที่งานด้านการจัดการและการตัดสินใจ หน้าที่งานด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ หน้าที่งานด้านการผลิตและดำเนินงาน หน้าที่งานด้านการตลาด หน้าที่งานด้านการเงินและหน้าที่งานการบัญชี เป็นต้น ซึ่งเป็นประเภทที่มีการบริหารที่ครบทุกด้านเหมาะแก่การดำเนินธุรกิจร้านมินิมาร์ทอย่างยิ่ง
4. ระบบสารสนเทศถูกวางไว้ที่ตำแหน่งใดภายใต้โซ่คุณค่าขององค์กร จงอธิบาย
ตอบ องค์การต้องนำเสนอคุณค่าแก่ลูกค้าขององค์การโดยการเพิ่มคุณค่าของสินค้าหรือบริการ ซึ่งพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าผ่านการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจในการใช้สินค้าหรือบริการ
5. จงระบุถึงประโยชน์ที่องค์การจะได้รับภายใต้การใช้ระบบสารสนเทศที่ดี
ตอบ ถ้ามีระบบสารสนเทศที่ดีสิ่งที่จะได้รับต่อองค์การคือ การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิผล ของการดำเนินงานในองค์การ และช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและการจัดการเชิงผลการปฏิบัติงานได้ในองค์การ
6. จงอธิบายแนวโน้มของระบบสารสนเทศในอนาคต
ตอบ จะมีการขยายขีดความสามารถของเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งมีการลดต้นทุนของระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยสนับสนุนงานภายในองค์การโดยใช้รูปแบบของระบบสารสนเทศบนเว็บรวมทั้งระบบเคลื่อนที่ โดยมีการพัฒนาระบบประยุกต์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตและเปลี่ยนรูปแบบการค้าเข้าสู่รูปแบบของธุรกิจสู่ธุรกิจ
7. ระบบสารสนเทศประเทศใด ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการเชื่อมโยงโซ่คุณค่าขององค์การเข้ากับโซ่คุณค่าขององค์การภายนอก
ตอบ ประเทศไทย
8. จงอธิบายการเชื่อมโยงต่อระบบสารสนเทศระหว่างองค์การกับอีคอมเมิร์ซ
ตอบ อีคอมเมิร์ซใช้งานได้ง่ายและสามารถหลีกเลี่ยงฝูงชนภายในห้างสรรพสินค้า โดยทำการสั่งซื้อออนไลน์ ณ เวลาใด จากสถานที่ใดก็ได้ อีกทั้งมีการส่งมอบสินค้าถึงมือผู้รับโดยตรง
9. จงอธิบายการทำงานของคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และลูกจ้างเคลื่อนที่
ตอบ คือ ตัวอย่างระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบสำหรับลูกจ้างเคลื่อนที่และอื่นๆซึ่งผู้ใช้ระบบมักเกิดความต้องการด้านการเชื่อมต่อเข้ากับระบบสารสนเทศขององค์การในทันที โดยใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ ตลอดจนสภาพแวดล้อมอื่นๆ ของคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่
10. จงยกตัวอย่างระบบสารสนเทศบนเว็บที่มีการเชื่อมต่อกับระบบสารสนเทศอื่นมา 2 ตัวอย่าง
ตอบ 1.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ สำหรับ ธุรกิจภาคเอกชน
2.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์
สรุปแบบฝึกหัดบทที่ 2 เรื่องระบบสารสนเทศ
ความหมายระบบสารสนเทศ
1. ระบบ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2545 (2546,หน้า 933) ได้ให้นิยามว่า ระบบ หมายถึง กลุ่มสิ่งซึ่งมีลักษณะประสานเข้าเป็นสิ่งเดียวกัน ระบบจักรวาล ระบบสังคม ระบบการบริหารประเทศ
2.ระบบสารสนเทศ
Hall (2004,p.7) ได้ให้นิยามว่า “ระบบสารสนเทศ” หมายถึง เซต หรือ การรวมตัวของกระบวนให้การหลายกระบวนการสำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล การประผลเพื่อรูปแบบของข้อมูล เข้าสู่รูแบบสารสนเทศ ตลอดจนการกระจ่ายสารสนเทศที่เป็นผลลัพธ์จากการประมวลผลสู่ผู้ใช้ระบบเพื่อการตัดสินใจ
แบบจำลองระบบสารสนเทศ
1.ผู้ขั้นปลาย
ผู้ขั้นปลาย (End Users) ผู้ใช้สารสนเทศที่อยู่ในหน่วยงานต่างๆทั้งภายในและภายนอกธุรกิจประกอบด้วยผู้ใช้ 2 กลุ่ม
กลุ่มที่1ผู้ใช้ภายนอก (external users)
ประกอบ เจ้าเงินกู้ ผู้ถือหุ้นนักลงทุน ตัวแทนหรือนายหน้า เจ้าหน้าที่ภาษีอากร ผู้ขายและลูกค้า ตลอดผู้ประเภทสถาบันการเงิน
กลุ่มที่2ผู้ใช้ภายใน (intwenal users)
ผู้บริหารระดับต่างๆขององค์การซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติการโดยเน้นความต้องการสารสนเทศของผู้แต่ละรายเป็นสำคัญ
2.ต้นทางข้อมูล
ต้นทางข้อมูล(Data sources) หรือแหล่งข้อมูล ธุรกรรมทางการเงินที่นำเข้าระบบสารสนเทศประกอบด้วยข้อมูล 2 ส่วน
ส่วนที่1ต้นทางของข้อมูลภายนอก (External Data Sources) ธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง หรือความเคลื่อนไหวของทรัพยากรภายในองค์การ
3.การรวบรวมข้อมูล
การรวบรวมข้อมูล(Data collection) เป็นขั้นตอนแรก ซึ่งมีความสำคัญที่สุดของการดำเนินการภายในระบบสารสนเทศ มุ่งเน้นวัตถุประสงค์ด้านการข้อมูลหรือเหตุการณ์ต่างๆให้เข้าสู่ระบบให้ถูกต้อง ในการออกแบบกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล ควรจะคำนึงถึงข้อที่ตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพในส่วนของการคัดเลือกข้อมูลที่ตรงประเด็นทำได้โดยวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้ใช้สารสนเทศเป็นหลักนำไปสู่ความไม่มีประสิทธิภาพของระบบ และความผิดพลาดด้านความตัดสินใจของผู้บริหารได้
4. การประมูลผลของข้อมูล
ต้องทำการประมวลผลของข้อมูล(Data processing) ทั้งในรูปแบบที่ง่ายและรูปแบบที่ซับซ้อน
จำแนกการประมวลผลได้ 2 รูปแบบ
รูปแบบที่1 การประมวลผลแบบกลุ่ม (Batch processing)
รูปแบบที่ 2 การประมวลผลแบบทันที (Real time processing)
5.การจัดการฐานข้อมูล
หน่วยเก็บข้อมูลทางกายภาพสำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งอาจจัดเก็บข้อมูลภายในตู้เอกสาร หรือแผ่นจานแม่เหล็กข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในฐานข้อมูล จะประกอบด้วยหน่วยเก็บข้อมูลที่เรียกลำดับจากหน่วยเล็กที่สุดไปหาหน่วยใหญ่ที่สุด ลักษณะประจำ(Attribute) ระเบียบ (Record)
และแฟ้มข้อมูล(File) ในส่วนการจัดฐานข้อมูล (Database Management)จะเกี่ยวข้องกับขั้นพื้นฐาน3งาน คือ การจัดเก็บ การค้นคืน และ การลบ
6.การก่อกำเนิดสารสนเทศ
กระบวนการแปลงโปรแกรม การจัดข้อมูล การกำหนดรูปแบบ รวมทั้งการนำเสนอสารสนเทศต่อผู้ใช้ เช่น ใบสั่งขาย รายงาน หรือแม้แต่ข่าวสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
7.ผลป้อนกลับ
รูปแบบของรายงานที่เป็นผลลัพธ์ ซึ่งถูกส่งกลับไปยังระบบของในฐานะของต้นทางข้อมูลภายในหรือภายนอกยังอาจถูกส่งไปใช้ในฐานะข้อเริ่มต้นหรือข้อมูลสำหรับปรับเปลี่ยนกระบวนการ
บทบาทของระบบสารสนเทศ
1.โซ่คุณค่า
จะประกอบด้วยกิจกรรมหลักของการจัดการต้นทางการผลิต และการจัดการตามทางในส่วนของการผลิตสินค้าและการบริการ
2.ระบบคุณค่า
จะเป็นการเชื่อมโยงกิจกรรมภายใต้โซ่คุณค่าทั้งภายในและภายนอกองค์ ภายใต้รูปแบบโซ่อุปทานใช้ระบบสารสนเทศเป็นเครื่องมือเชื่อมต่อโซ่คุณค่าขององค์การกับโซ่คุณค่าขององค์ภายนอกซึ่งเป็นคู่เข้าด้วยกัน
3.การสนับสนุนงานของการ
3.1 การสนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจ
3.2 การสนับสนุนการตัดสินใจ
3.3 การสนับสนุนความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน
4.การเพิ่มมูลค่าให้องค์กร
ระบบสารสนเทศบนเว็บ
1.อินเทอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก
2.อินทราเน็ต
ในส่วนแนวคิดของอินทราเน็ตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์การและอินเทอร์เน็ตซึ่งอินทราเน็ต การใช้เทคโนโลยีเว็บสำหรับการสร้างเครือข่ายส่วนตัว มักถูกจำกัดงานเฉพาะภายองค์การ โดยใช้เครือข่ายเฉพาะที่หรือระบบแลน ร่วมกับโพรโทคอลทีซี/ไอพี
3.เว็บศูนย์วิสาหกิจ
เว็บไซร์ที่ติดตั้งเกตเวย์ เพื่อควบคุมการเข้าถึงสารสนเทศของบริษัทจากจุดเพียงจุดเดียว
4.เอกซ์ทราเน็ต
เอกซ์ทราเน็ตถูกเชื่อมต่อกับอินทราเน็ตผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมักมีการเสริมกลไกด้านความมั่นคงทางอินเทอร์เน็ตและฟังก์ชันงานเท่าเป็นไปได้ตลอดจนมีการสร้างรูปแบบเครือเสมือนจริง
5.ระบบอีคอมเมิร์ซบนเว็บ
มีความเกี่วยกับธุรกิจต่างๆซึ่งขึ้นใต้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งรูปแบบของธุรกิจสู่ธุรกิจ (B2B) ธุรกิจสู่ผู้บริโภค (B2C) ผู้บริโภคสู่ผู้บริโภค (C2C) ธุรกิจสู่หน่วยสาธารณะตลอดจนผู้บริโภคสู่หน่วยสาธารณะ
6.ตลาดอิเล็กทรอนิกส์
ในการถึงข้อมูลในเว็บของตลาดอิเล็กทรอนิกส์ได้มีการแพร่กระจ่ายอย่างรวดเร็วในฐานะตัวขับเคลือนด้านการประกอบธุรกิจทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่ง Turban et al .(2006,p.73) ได้ให้นิยามไว้ว่า ตลาดอิเล็กทรอนิกส์
7.การเปลี่ยนอิเล็กทรอนิกส์
สถานที่ซื้อข่ายสาธารณะบนที่ผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากมีการโต้ตอบกันแบบพลวัตและยังสถานประกอบการค้าสำหรับโภคภัณฑ์
8.คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และการพาณิชย์เคลื่อนที่
ตัวอย่างระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบสำหรับลูกจ้างเคลื่อนที่และอื่นๆซึ่งผู้ใช้ระบบมักเกิดความต้องการด้านการเชื่อมต่อเข้าระบบสารสนเทศองค์การในทันที โดยใช้อุปกรณ์ที่ ตลอดจนสถานแวดล้อมอื่นๆ ของคอมพิวเตอร์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)